การออกแบบทางอุตสาหกรรม (Industrial design) และการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering design) มีหลักการที่มีความเชี่อมโยงกัน แต่มีความแตกต่างกันในมุมของขั้นตอนการสร้างผลิตภัณฑ์ การบริการ หรือระบบ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน
แล้วอะไรคือความต่างระหว่าง Industrial design และ Engineering design ในกระบวนการออกแบบ
Industrial design เป็นการออกแบบรูปลักษณ์ (Feature) เงื่อนไขการทํางาน (Function) และลักษณะการใช้งาน (Usability) ของผลิตภัณฑ์และบริการ ให้เหมาะกับผู้ใช้งาน โดยเน้นไปทางด้านหลักสรีรศาสตร์ ความสวยงาม ความรู้สึก และอารมณ์ของผลิตภัณฑ์ เช่น สี ลวดลาย ซึ่งอาจรวมถึงแนวทางด้านการตลาดและการสร้างความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์และบริการ
Industrial design จึงเป็นการประยุกต์ใช้ศาสตร์และศิลป์ ร่วมกับเครื่องมือและวิธีการต่างๆ ในการทำงาน เช่น การทำแบบร่าง (Draft) การสร้างต้นแบบ (Prototype) การทำการวิจัยจากผู้ใช้งาน (User experiment) การทดสอบ (Test) หรือการประเมินผล (Evaluation) โดยพิจารณาถึงผู้ใช้งาน สภาพแวดล้อม และการแข่งขันในตลาด เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ มีประโยชน์สังคมและวัฒนธรรม
Engineering design เป็นการประยุกต์ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ที่เน้นความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค ความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพในการใช้งาน การเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน และเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นไปที่ด้านโครงสร้างและระบบไฟฟ้าของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการวิเคราะห์ความเป็นไปได้และความสามารถในการผลิต
Engineering design จึงเป็นการประยุกต์ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ร่วมกับเครื่องมือและวิธีการต่างๆ ในการทำงาน เช่น โมเดล (Model) แบบงาน (Drawing) การคํานวณ (Calculation) การทำแบบจําลอง (Simulation) การวิเคราะห์ (Analysis) การทำแผนผังทดสอบ (Diagram) หรือโปรแกรมทางวิศวกรรม (Engineering software) เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติทางวิศวกรรมที่ตรงตามข้อกําหนด ข้อจํากัด กฎหมายและงบประมาณที่ตั้งไว้
จะเห็นว่า ทั้ง Industrial design และ Engineering design จึงเป็นกระบวนการออกแบบที่จําเป็นสําหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยส่วนของ Industrial design จะมีความเป็นศิลปะในการใช้งาน ในขณะที่ Engineering design จะมีความเป็นวิชาการมากกว่า เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพที่ดี